Sunday

ค้นหาตัวเอง


มีหลายครั้งคำถามเดิมๆเข้ามาวนเวียนทักทายเราเสมอ

"เราชอบอะไร? เราเป็นใคร? อะไรคือเรา?"

น้ำผึ้งขอเรียกคำถามเหล่านี้ว่า "คำถามค้นหาตัวเอง" 
เป็นคำถามที่น้ำผึ้งคิดว่าเราทุกๆคนมีมาตั้งแต่เด็ก เราฟูมฟักคำถามเหล่านี้ให้เติบโตมาพร้อมกับเรา ...

บางทีเราก็อดอิจฉาคนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนเรา เพื่อนของเพื่อนเรา เพื่อนของแฟนเรา เพื่อนของเพื่อนของเพื่อน หรือใครก็ไม่รู้ที่เราไม่ได้รู้จักเค้าเป็นการส่วนตัว...

เราอิจฉาที่เค้ารู้คำตอบของคำถามเหล่านั้น!



เค้ารู้ว่า "เค้าชอบอะไร"
เค้ารู้ว่า "เค้าคือใคร"
เค้ารู้ว่า "อะไรที่ทำให้เค้าเป็นอย่างทุกวันนี้"

เราอิจฉาที่เราได้เห็นเค้าทำในสิ่งที่เค้ารัก และเค้าก็ดูมีความสุขมาก
แต่ความอิจฉาของเรานั้นไม่ได้อยากจะดึงเค้าให้ต่ำลงมา หรือทำให้เค้าไม่มีความสุข แต่เราอดอิจฉาไม่ได้ว่า "ทำไมเค้าถึงรู้" และก็อดคิดไปอีกไม่ได้ว่า ถ้าเรารู้ว่าเราชอบอะไร เราคือใคร และอะไรทำให้เรามีความสุข เราจะโคดดดดดมีความสุขขนาดไหน :)

น้ำผึ้งเป็นคนนึงที่เคยออกเดินทาง "ตามหาตัวเอง" และอยากจะบอกว่าคำตอบของคำถามต่างๆนานาเหล่านั้นมันมีวิธีหาคำตอบ

1. เราชอบอะไร สำหรับตัวน้ำผึ้งเองมีสิ่งที่ชอบมากมายลองทำมาหลายอย่าง น้ำผึ้งชอบเสียงดนตรี ตอนนี้มีทั้งไวโอลิน กีตาร์ อะกูเลเล่ คีย์บอร์ด
ขาดแต่กลองล่ะ ที่ไม่เคยลองเล่นและลองเรียน ถามว่าเล่นอะไรเป็นอย่างจริงจังมั้ย? บอกเลยว่า " ไม่ "
การที่เราชอบเสียงดนตรี เราชอบร้องเพลง แต่เราอาจจะไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนักดนตรี แต่เราเกิดมาเพื่อที่จะเสพย์และมีความสุขกับมันเท่านั้น มันก็ไม่ผิด
   กว่าที่เราจะรู้ว่าเราชอบอะไร เราต้องผ่านการทดลอง การได้คลุกคลีและอยู่กับมันสักระยะ จนถึงระยะที่เราเลิกเห่อกับความใหม่ของสิ่งๆนั้น และเมื่อไรก็ตามที่เราที่เราอยู่กับสิ่งๆนั้นมาสักระยะ อาการเบื่อหน่ายอยากเลิกทำจะเกิดขึ้น ขอเรียกอาการนี้ว่า "อาการวัดใจ" ถ้าเมื่อไรที่มีอาการแบบนี้เกิดขึ้น นอยด์ เซ็งๆกับสิ่งที่ทำอยู่ และไม่รู้ว่ามันใช่สิ่งที่เราชอบจริงๆรึเปล่า ให้ลองหยุดทำสิ่งๆนั้นในระยะสั้นๆ

  ถ้าสิ่งๆนั้นคือสิ่งที่เราชอบและหลงใหลในตัวมันจริงๆ มันจะดึงเรากลับมาหามันได้ทุกครั้ง ถึงแม้ว่าเราอยากจะยอมแพ้กับมัน แต่มันจะดึงเรากลับมาหามันอีกครั้งจริงๆ

และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ การค้นหาตัวเองจะว่ายากก็ยาก จะว่าง่ายๆก็ง่าย ... พี่โหน่ง อะเดย์ เคยพูดไว้ว่า "การค้นหาตัวเองง่ายกว่าการค้นหาคนอื่นตั้งเยอะ" ซึ่งมันจริงมาก และน้ำผึ้งก็ยอมรับอย่างหมดใจกับคำพูดนี้

การค้นหาตัวเองที่บอกว่าดูเหมือนจะยากก็ยาก เพราะทุกวันนี้เราเอาเวลาที่มันควรจะเป็นเวลาที่เราใช้สำรวจตัวเอง เป็นเวลาที่เราได้หยุดพักหยุดคิดและพูดคุยกับตัวเองไปทำอย่างอื่นซะหมด ช่วงเวลาเล็กๆน้อยๆแค่เพียง 20 นาทีต่อวันที่เรานั่งคุยกับตัวเอง สำรวจตัวเอง ไม่รู้ว่าใครจะเชื่อรึเปล่านะ คำตอบของคำถามต่างๆนานาที่เรามี วันนึงมันจะเดินมาหาเราเองโดยที่เราไม่ต้องออกแรงวิ่งหาเลย.. มันง่ายนะสำหรับคนที่มีเวลาตรงนี้สำหรับตัวเอง สำหรับคำถามที่เราต้องการคำตอบ

2. เราเป็นใคร บางทีเราก็สับสนนะว่าเอ...เราเป็นคนยังไงกันแน่วะ? จริงๆแล้วนิสัยของเราเป็นยังไง เพื่อนเคยบอกเราว่าเราหน่ะเป็นคนอย่างงี้ๆๆๆๆๆ แล้วมันจริงปะวะ? แต่แม่ชอบพูดว่าเราเป็นอย่างงี้ๆๆๆๆๆ ทำไมมันไม่ตรงกับที่เพื่อนบอกอ่ะ? บางอารมณ์มันก็จะเคว้งๆนะ บวกกับคำถามแรกเข้าไปอีก นอยด์ไปอีกสามวัน.... สำหรับตัวน้ำผึ้งเองนะคำตอบของคำถามนี้ง่ายๆเลยคือ


   ถ้าอยากรู้ว่าเราเป็นคนยังไงให้ไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเรา  

ให้เราออกเดินทาง ออกไปดูโลกกว้างใบนี้ว่ามันสวยงามเพียงใด ออกไปเจอผู้คนที่หลากหลาย เราจะได้รู้ว่าชีวิตหนึ่งชีวิตที่เรามีอยู่มีค่าขนาดไหน

การออกเดินทางทำให้เรารู้จักตัวตนที่เป็นแก่นแท้ตัวตนของเราจริงๆ  และการที่เรายิ่งไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จักเราอีกด้วยนะ สันชาตญาณของสันดานมนุษย์จะออกมาในทุกรูปแบบ บางทีตัวน้ำผึ้งเองยังตกใจในสิ่งที่เราคิดเลย เพราะบางครั้งการที่เราทำอะไรโดยต้องมีใครอีกคนอยู่กับเราตลอดเวลา หรือไม่สามารถอยู่หรือทำอะไรคนเดียวได้ สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราไม่เป็นตัวของตัวเอง และทำให้เราหลงลืมตัวตนของเราไป

ก็ลองเริ่มง่ายๆลองทำอะไรคนเดียว ตัดสินใจเอง ออกไปกินข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียว ซื้อของคนเดียว ขับรถเล่นคนเดียว เที่ยวต่างจังหวัดคนเดียว  

อย่ายืนยันการมีตัวตนของตัวเองด้วยคนอื่น เพราะมันจะทำให้เราสูญเสียความเป็นตัวเองไป 

3. อะไรคือเรา มันก็ดูรวบๆจากสองข้อก่อนนะ ถ้าเรามีคำตอบสำหรับสองข้อแรกของเราแล้ว มันจะนำพาข้อนี้มาหาเราเอง เราจะรู้ว่าเราชอบอะไร เราเป็นคนยังไง และเราก็พร้อมที่จะทำความฝันที่เรามีให้สำเร็จ
เราจะสนุกกับทุกเช้าที่ตื่นขึ้นมาและอยากจะทำทุกๆอย่างที่ทำให้ฝันเล็กๆของเราสำเร็จ

ผลตอบแทนของของการที่เราได้ทำในสิ่งที่เรารักในทุกๆวัน มันบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยล่ะ มันสุขจนล้นออกมา... จนต้องลุกมาพิมพ์ข้อความทั้งหมดตอนนี้ :D


      อย่ากลัวและลังเลที่จะมีความฝันที่ยิ่งใหญ่ ฝันให้ใหญ่ไว้หน่ะดี แต่ระหว่างทางที่เราจะทำให้ฝันเราเป็นจริง เราต้องทำงานหนักทุ่มเทเพื่อมันอย่างมาก และมันก็คุ้มค่าเมื่อได้สัมผัสกับความฝันที่เป็นจริงค่ะ   


I am just a dreamer who woke up.